ยุคนี้เป็นยุคสื่อครองโลก !
ใครมีสื่อในมือหมายถึงการสามารถส่งความคิด ความเชื่อของตนไปสู่มหาชนได้ และเมื่อมีมวลชนอยู่ในมือผู้นั้นย่อมสามารถทำสิ่งที่ปรารถนาได้ไม่ยาก หากเป็นนักการเมืองก็เท่ากับการมีฐานคะแนน หากเป็นพ่อค้าก็เท่ากับการมีฐานลูกค้าเมื่อความสำคัญมีมากปานนี้ สื่อจึงต้องพยายามทำให้มีคนติดตามมาก ๆ เป็นหนังสือพิมพ์ก็ต้องมียอดขายสูง ๆ เป็นโทรทัศน์ก็ต้องมีเรตติ้งดี ๆ ซึ่งหลักการก็คือการนำเสนอข่าวที่คนชอบ และนั่นเองที่ทำให้พื้นที่บนสื่อจำนวนมากเต็มไปด้วยข่าวร้าย ดั่งคำที่ว่าข่าวร้ายขายง่ายกว่าข่าวดี
เพราะแม้ผู้รับสารจำนวนมากอาจจะไม่ถึงขนาดชอบดูทุกข์ของคนอื่นด้วยความสะใจ แต่ข่าวร้ายของคนอื่นก็ทำให้เกิดความรู้สึกถึงความต่ำต้อยด้อยโอกาสของผู้เผชิญความร้ายนั้น หรืออีกนัยก็คือความอยู่ในสภาวะที่เหนือกว่าของผู้เสพข่าว (ขณะที่ในมุมกลับคนไม่ค่อยชอบเสพข่าวดีส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะลึก ๆ ข่าวความสำเร็จของคนอื่นนั้นทำให้ผู้เสพอยู่ต่ำกว่าจนอาจแอบอิจฉาได้) ความรู้สึกแบบนี้ล่ะครับที่อันตราย หากไม่เท่าทันมันจะกัดกร่อนความสูงส่งของใจมนุษย์เราจนหมดสิ้น คำแนะนำในสังคมข้อมูลข่าวสาร (ร้าย) เช่นทุกวันนี้โดยเฉพาะต่อผู้สูงอายุที่ที่ผ่านมาอาจไม่คุ้นชินกับกระแสข้อมูลที่ถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง รวดเร็ว และมากมายจากสมัยก่อนที่กว่าข่าวนักเลงตีกันจากหมู่บ้านหนึ่งจะได้ยินไปถึงคนในอีกหมู่บ้านหนึ่งก็เป็นวัน หลายข่าวก็ไปไม่ถึงตกขาดระหว่างทาง แต่สมัยนี้เด็กตีกันอยู่อีกซีกโลกข่าวก็มาถึงปู่ย่าได้ภายในไม่ถึงนาที แถมสารพัดข่าวร้ายก็ไม่มีตกหล่น เดินไปไหนก็มีสารพัดสื่อคอยรายงานให้ถึงที่ (มือถือ) จนบางท่านอาจเสพข่าวร้ายมากจนกลายเป็นระแวง กลัว วิตกจริต ขณะที่บางท่านอาจพลิกกลับกลายเป็นใช้ข่าวร้าย ใช้ทุกข์ของคนอื่นเป็นเครื่องช่วยยกระดับความเหนือกว่าของตนจนเกินเป็นความสาแก่ใจที่ได้เห็นคนอื่นประสบทุกข์ก็มี
ผู้สูงอายุจึงจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะรับมือกับการใช้ชีวิตในสังคมไอทีเช่นนี้ นั่นก็คือการต้องตั้งสติให้ดีในการเสพข่าวใด ๆ ก็ตามใจของเราที่ต้องไม่เผลอไปเหยียบคนโชคร้าย และไม่เผลอไปแช่งคนโชคดี
ข้อแนะนำคือผู้สูงอายุควรใช้การเสพข่าวนี้เพื่อการเจริญพรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขาอันเป็นคุณสมบัติของพรหมไปเลยจะทำให้เกิดประโยชน์มากกว่าการรับรู้เฉพาะในเนื้อหา ใครที่สามารถทำจิตให้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมทั้ง 4 ประการได้ก็ถือว่าจิตของผู้นั้นไม่ต่างจากจิตของพรหม และเมื่อมีจิตแบบเดียวกับพรหมก็ย่อมได้ผลไม่ต่างกันคือความเป็นใหญ่ ความเป็นหลัก เป็นที่พึ่งอันมั่นคงของลูกหลาน เป็นดั่งไม่ใหญ่ที่ปกป้อง คุ้มภัย ช่วยให้ความร่มเย็นแก่ผู้มาอาศัยร่มเงา ซึ่งในภาพจริงก็คือภาพของผู้เฒ่าที่มีลูกหลานมาคอยใกล้ชิดเพื่ออาศัยความร่มเย็นนั้น ใครอยากเป็นเช่นนั้นคราต่อไปเวลาอ่านหรือดูข่าวก็ถือเป็นโอกาสในการฝึกจิตไปเลยนะครับ เมื่อเสพข่าวดีก็ชื่นชมยินดีกับคนดีนั้นจริง ๆ หรือมีมุทิตาจิตต่อเขา ขณะที่เมื่อเสพข่าวร้ายก็ต้องให้ความสงสารเห็นใจมีความกรุณาต่อเขา พยายามหาทางช่วยเหลือตามกำลัง หรือหากไม่อยู่ในฐานะที่ช่วยได้ก็ต้องทำใจเป็นกลางวางอุเบกขาว่านั่นเป็นกรรมที่เขาต้องได้รับ ทำได้เช่นนี้จะได้ทั้งความร่วมสมัยในสังคมไม่ตกข่าว และความล้ำสมัยในใจไม่เป็นทาสความสะใจ ที่สำคัญได้ทั้งลูกหลานบริวารมาห้อมล้อมด้วยครับ