สุขจนเจียนตาย
ทุกคนอยากมีความสุข หลายคนยอมเหนื่อยยากแสนสาหัสเพื่อให้ได้มาซึ่งความสุข เรียกได้ว่า ความสุขเป็นเป้าหมายสูงสุดของทุกชีวิตก็อาจไม่ผิดนัก
แต่เชื่อไหมว่าบนโลกนี้ กลับมีคนที่สำลักความสุขชนิด “สุขจนเจียนตาย”
เป็นไปได้อย่างไรเรามาติดตามกัน
ผศ. ดร. วีรณัฐ โรจนประภา หรือที่คนส่วนมากรู้จักกันในชื่อ ดร. ใหม่ ก็เป็นเหมือนคนทั่วไปในโลก ที่มุ่งมั่นอยากทำงานหาเงินให้ได้มาก ๆ ต้องการร่ำรวยด้วยเชื่อความว่า เมื่อมีเงินแล้วย่อมสามารถหาซื้อความสุขอะไรก็ได้มาปรนเปรอให้ชีวิต
หลังจบปริญญาตรีจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ดร.ใหม่ ที่กำลังมีไฟอยากพิสูจน์ตัวเองเต็มที่ และมีสายเลือดนักธุรกิจอย่างเข้มข้น เนื่องจากคุณพ่อเป็นผู้ก่อตั้งนิตยสารระดับตำนานของวงการน้ำหมึกอย่าง “บางกอก” ทำให้ดร. ใหม่คลุกคลีอยู่ในวงการธุรกิจมาตั้งแต่เกิด เมื่อเรียนจบ ดร.ใหม่ จึงได้เริ่มต้นธุรกิจแบบจริง ๆ จัง ๆ ของตนเองนั่นคือ ธุรกิจขายตรง นำเข้าสินค้าจากเมืองจีนแล้วทำโฆษณาขายผ่านสื่อยักษ์ใหญ่อย่างหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ รวมถึงขายผ่านโฆษณาในทีวี ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจที่ใหม่และมีความเสี่ยงสูงมากในยุคนั้น เพราะค่าโฆษณาในสื่อดังกล่าวมีราคาที่สูงที่สุดในประเทศ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและพัฒนาวิธีการใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอ ทำให้บริษัทขายตรงของดร.ใหม่ ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย ขยายไลน์สินค้าเพิ่ม แตกบริษัทออกเป็นอีก 5 – 6 ธุรกิจภายในระยะเวลาเพียง 2 – 3 ปี
ทั้งบริษัทขายตรงที่ ดร.ใหม่ บุกเบิกและนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัว สินค้าต่าง ๆ เข้ามาขายโดยใช้กลยุทธ์ ‘ไม่พอใจ ยินดีคืนเงิน’ เป็นเจ้าแรก ๆ ของประเทศ จนสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า และได้ผลการตอบรับอย่างล้นหลาม
ก่อนมาจับตลาดคอร์สสัมมนา ที่ในสมัยนั้นหากใครต้องการเรียน ต้องการพัฒนาตนเอง ต้องเดินทางไปเรียน ไปพบครูผู้สอน ต้องไปเรียนที่สถาบันต่าง ๆ โดยตรง แต่ดร.ใหม่ เห็นโอกาสที่ทุกคนต้องการเรียน แต่บางคนไม่มีเวลาเดินทางไปเรียน จึงได้นำเอาคอร์สชื่อดังจากวิทยากรระดับประเทศ อาทิ อ. เสรี วงศ์มณฑา อ. สุขุม นวลสกุล อ.จตุรงค์ ชมภูนิช และวิทยากรชั้นนำในประเทศเกือบทั้งหมดมาบันทึกเทป กลายเป็นนวัตกรรมการสัมมนาแบบใหม่ ที่ให้ทุกคนสามารถเรียนได้จากที่บ้าน หรือ Audio Book ที่เราคุ้นเคยในยุคนี้ นับเป็นการปฏิวัติวงการสัมมนาอย่างแท้จริง และนอกจากคอร์สสัมมนาแล้ว ดร.ใหม่ ยังได้บุกเบิกวงการละครวิทยุ จับเอาคณะพาร์กเสียงระดับท็อปของวงการมาเล่าเรื่องผี อัดใส่เทปขายจนเป็นที่นิยมโดยทำร่วมกับนักเขียนบทละครชื่อดังแห่งยุคสมัย
ที่สำคัญคือ ทุกบริษัทที่ดร.ใหม่บริหาร ได้รับเครดิตชั้นเยี่ยมจากทางธนาคาร มีวงเงินการนำเข้าสินค้าที่สูงพอจะส่งขายผ่านห้างค้าปลีก และห้างค้าส่งชั้นนำในขณะนั้นไปทั่วประเทศ
และอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจคือ การนำข้าวมันไก่มาจำหน่ายในรูปแบบ Modern trade ด้วยการปัดฝุ่นแปลงโฉมจากร้านข้าวมันไก่สไตล์เดิม ๆ ที่มักขายแบบ street food รถเข็นข้างทาง หรือเปิดขายในคูหาห้องแถวง่าย ๆ มาออกแบบร้านให้มีความเป็นโมเดิร์น ทันสมัย และใช้การบริหารจัดการแบบ Self service แบบร้าน fast food ของต่างประเทศจนเกิดเป็นร้านข้าวมันไก่โฉมใหม่ ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน แม้ว่าท้ายที่สุดร้านข้าวมันไก่สไตล์โมเดิร์นเทรดของ ดร.ใหม่ จะไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากขัดกับความรู้สึกของคนไทยในสมัยนั้น และการหาซื้อข้าวมันไก่ทำได้ง่าย แต่ก็นับว่า เป็นการบุกเบินวงการร้านอาหารที่ขายอาหารยอดนิยมของไทยได้เป็นอย่างดี
นี่ยังไม่นับธุรกิจเทปเพลงลูกทุ่ง ธุรกิจจำน่ายเครื่องออกกำลังกายเงินผ่อน ธุรกิจออกแบบและผลิตเครื่องเสียงในแบรนด์ของคนไทยเอง ธุรกิจนายหน้าโฆษณา หรือธุรกิจที่หุ้นกับเพื่อนสนิทอย่างธุรกิจให้เช่าวิดีโอที่จัดการบนฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ซึ่งล้ำสมัยมากในยุคนั้น และธุรกิจคอมพิวเตอร์สำหรับการออกแบบ ไปจนถึงธุรกิจของครอบครัวอย่างธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนตร์ นิตยสารการ์ตูนของคนไทย นิตยสารวิเคราะห์หุ้นโดยเฉพาะ
สำหรับเด็กที่มีอายุเพียงยี่สิบกว่าปี กับการบุกเบิกงานที่ตนเองสร้างมากับมือได้ถึงเพียงนี้ เกือบทุกคนอาจเรียกว่า นี่คือการประสบความสำเร็จอย่างงดงาม แต่กับ ดร.ใหม่ สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นยังไม่สามารถเติมเต็มช่องว่างในจิตใจได้ ดร. ใหม่ ยังคงโหมงานหนักเพื่อความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่า ซึ่งความสำเร็จนั้นมาถึงเมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม ปี 2540 ที่ทำให้ ดร.ใหม่ “สำลักความสุขจนเจียนตาย”
เช้าวันก่อนนั้น หลังจากที่ ดร.ใหม่ ได้อ่านข่าวเศรษฐกิจจากสื่อต่าง ๆ หลายสื่อ เมื่อวิเคราะห์ทิศทางการเงินระดับประเทศอย่างถี่ถ้วนแล้วพบว่า บริษัทควรจะทำการประกันค่าเงินดอลล่าร์จากหนี้ของสินค้าที่นำเข้ามาจำหน่ายทั้งหมด ซึ่งธนาคารได้ให้เครดิตหนี้เหล่านั้นในสกุลเงินบาท แม้ว่าขณะนั้นค่าประกันจะสูงเป็นประวัติการณ์ แต่ดร.ใหม่ก็ยืนยันอย่างหนักแน่น โดยปราศจากข่าววงในใด ๆ แต่ด้วยลางสังหรณ์ส่วนตัว ไม่ว่าอย่างไรต้องทำการนำหนี้ทุกดอลล่าร์ไปซื้อประกันไว้ให้ได้ นอกจากนี้ ยังให้ฝ่ายจัดซื้อ สั่งซื้อสินค้ารุ่นที่ทำตลาดได้ดีจากโรงงานต่างประเทศพร้อมนำเอกสารคำสั่งซื้อมาซื้อประกันทั้งหมดเช่นเดียวกัน
การซื้อประกันแบบทุ่มหมดเนื้อหมดตัวนี้เกิดขึ้นภายในวันเดียวเท่านั้น เป็นการเสี่ยงครั้งยิ่งใหญ่
และโดยไม่มีใครในประเทศไทยคาดคิดมาก่อน วันถัดรัฐมนตรีในชุด พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้จากที่เคยใช้เงิน 25 บาทไทย แลกได้ 1 ดอลล่าร์สหรัฐ กระโดดพรวดไปเป็น 37 43 จนสูงสุดอยู่ที่ 57 บาท ต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว ! ทำให้ธุรกิจนำเข้าเกือบทั้งหมดล้มละลายลงในพริบตาชนิดที่ไม่มีโอกาสได้เตรียมการ หรือแก้ตัวใด ๆ เพราะเงินที่ธุรกิจนำเข้าเก็บได้จากการขายสินค้ามีการคำนวณต้นทุนที่ 25 บาท บัดนั้นกลายเป็นต้นทุน 50 บาทกว่าแบบไม่ทันตั้งตัว เป็นการขาดทุนที่ไม่มีโอกาสให้แก้ไข จนหลายคนถึงขนาดเลือกจบเส้นทางเดินชีวิตของตน
แต่กลับเด็กหนุ่มอายุเพียงยี่สิบกว่าอย่าง ดร.ใหม่ วันที่ 1 กรกฏานี้ ถือเป็นวันประกาศชัยชนะโดยแท้ ที่สามารถแสดงบทบาทการบริหารให้ธุรกิจอยู่รอดได้อย่างสง่างาม ไม่เป็นหนี้ท่วมหัว แถมยังมีสินค้าต้นทุนที่ 25 บาทเท่าเดิมสำรองไว้ขายได้อีกนานหลายเดือน
จากความสำเร็จนี้ ดร.ใหม่ สำผัสได้อย่างเป็นรูปธรรมที่กลางอก เรียกว่า “ความภาคภูมิใจ” เปรียบเสมือนลูกโป่งพองอัดแน่นคับอกจนแทบจะยกตัวให้ลอยขึ้นเหนือพื้นได้อย่างสบาย ๆ คงจะคล้าย ๆ กับวลีที่มักได้ยินกันว่า ดีใจจนตัวลอย เพราะมันเป็นความรู้สึกที่ตัวเหมือนจะลอย เท้าไม่แตะพื้นได้จริง ๆ
ตลอดเช้าวันนั้น สำนักข่าวทุกช่องต่างประโคมข่าวการประกาศลอยตัวค่าเงิน ซึ่งเป็นข่าวที่ช็อกคนไทยทั้งประเทศ แต่สำหรับ ดร.ใหม่ ทุกครั้งที่ได้ยินข่าวการลอยตัวค่าเงิน เหมือนกับการสูบลมเข้าลูกโป่งตรงกลางอก ให้ขยายพองขึ้นเรื่อย ๆ จนความสุขไม่มีที่ว่างให้อยู่ต้องทะลักล้นจากอกออกมาจนล้นกาย
แต่สุขจนตัวลอยได้ไม่นาน เวลาผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมงกว่าก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น ก้อนกลมพองโตแห่งความภูมิใจกลางอกนั้นหายวับไปอย่างรวดเร็วม เหมือนลูกโป่งที่พองจนใกล้ปริแตกค่อย ๆ หดขนาดเล็กลง เล็กลง จสัมผัสได้ ภายในไม่กี่วินาทีถัดมา ความภูมิใจในความสำเร็จจากความพยายาม ความเหนื่อยยากที่สั่งสมสร้างมาทั้งหมด ก็สลายไปกับตาและใจ แม้พยายามเค้นเท่าไหร่ก็ไม่อาจเรียกคืนมาได้ จะเปิดข่าวอีกกี่ช่อง ฟังสื่อรายงานอีกกี่รอบความภูมิใจนั้นก็ไม่กลับมา ราวกับว่ามันได้จากไปแล้วตลอดกาล
วินาทีนั้น ดร.ใหม่รู้ได้โดยทันทีว่า หายนะครั้งใหญ่กำลังมาเยือน หายนะที่เกิดจากการประจักษ์แจ้งว่า ความสำเร็จที่วิ่งไขว่คว้าแสวงหามาทั้งชีวิตแท้จริงแล้วพึ่งพิงไม่ได้ ยึดเป็นสรณะไม่ได้ มันเป็นเพียงของชั่วคราวที่แสนสั้น เกิดมาแล้วก็ดับไป ใครที่ไม่เข้าใจความจริงข้อนี้จึงต้องดิ้นรน ตะเกียกตะกาย ทะยานอยากไปหาความสำเร็จใหม่ ๆ ที่ใหญ่กว่าเดิมเพื่อให้เกิดสภาวะแห่งความภูมิใจ (ชั่วคราว) ขึ้นอีกครั้ง
นี่คือขีวิตที่เราควรจะเป็นจริงหรือ !
ถ้าไม่ แล้วชีวิตแบบไหนที่ใช่ ?
ดร.ใหม่ พยายามหาคำตอบนี้มาตลอด 2 เดือน หลังจากเหตุการณ์สุขจนเจียนตายนั้น แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่พบเสียที เกิดเป็นสภาวะเคว้งคว้างว่างเปล่าจนถึงขนาดมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย กระทั่งตัดสินใจพักงานไปบวช และได้ศึกษาพระพุทธศาสนาย่างจริงจังจนเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ สามารถตอบคำถามที่ฝังลึกในใจได้ว่า ชีวิตเกิดมาทำไม
หลังจากค้นพบเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง ดร.ใหม่ ได้ปิดบริษัททั้งหมดในมือ เพื่อหันมาทำร้านหนังสือเผยแผ่พระพุทธศาสนา จนเกิดเป็นต้นแบบร้านหนังสือสมัยใหม่ที่มีการออกแบบนำกาแฟสดเข้ามาร่วม พร้อมกับจำหน่ายซีดีเพลงนำเข้าหายาก มีมุมเทพนิยายสำหรับเด็กเล็ก มุมติวหนังสือสำหรับเด็กโต มีแม้กระทั่งบริการนวดเท้าสำหรับให้ลูกค้าที่มาเลือกหนังสือได้พักอ่าน อย่างร้านหนังสือ Banana Book Park ที่ทำภารกิจส่งต่อความรู้ให้คนไม่หลงไปตามกระแสทุนนิยม จนประสบความสำเร็จก่อนจะต่อยอดมาเป็นงานในปัจจุบันคือ
มูลนิธิบ้านอารีย์ ดำเนินการด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ก่อตั้งมากว่าสิบปี ด้วยปณิธานต้องการส่งต่อแนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสมกับคนเมือง คนที่คิดมาก และบรรดาผู้บริหาร ผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งหลายที่เน้นการทำงานแบบใช้ความคิด เพื่อให้คนเหล่านี้สามารถเข้าถึงแก่นของพระพุทธศาสนาได้อย่างตรงจริต และเป็นการอำนวยความสะดวก ด้วยการยกวัดมาไว้กลางกรุง เพื่อให้ทุกคนรู้สึกว่า การเข้าถึงธรรมะเป็นเรื่องง่าย ช่วยขจัดข้ออ้างในการไม่ไปปฏิบัติให้คนเหล่านี้
จากความเพียรในการสร้างชุมชนสีขาวใจกลางเมืองของดร.ใหม่ และความร่วมแรงร่วมใจของทีมงาน อาสาสมัครทุกคนที่มาช่วยกัน ทำให้มูลนิธิบ้านอารีย์ได้รับพระราชทานรางวัลเสาเสมาธรรมจักร จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และได้รับประทานรางวัลต้นโพธิ์ทองจากฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ
รวมถึงเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติ มูลนิธิที่มีกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา จากผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และได้รับรางวัล “คนดี จิตอาสา ช่วยภัยน้ำท่วม” ในโครงการแทนคุณแผ่นดินปี ๒๕๕๔
ต้องขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมช่วยกันเผยแผ่และส่งต่อพระพุทธศานาให้สืบต่อไป และจากงานนั้นได้เกิดการแตกแขนงไปสู่การแก้ปัญหาสังคมผู้สูงอายุที่เมื่อสิบปีก่อนไม่ไ้เป็นที่ตระหนักรู้เช่นปัจจุบัน แต่ด้วยการเล็งเห็นถึงปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นแน่ ๆ ดร. ใหม่จึงร่วมกับจิตอาสาสูงวัยก่อตั้งเป็นสมาคมบ้านปันรัก ดำเนินการด้านสังคมผู้สูงอายุ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ตามอัธยาศัยสำหรับผู้สูงอายุที่ใช้หลักแนวคิดเปลี่ยนภาระให้เป็นพลัง ซึ่งพลังในยุคข้อมูลข่าวสารนี้ไม่ใช่เงินแต่เป็นความรู้ โดยเฉพาะความรู้ทางเทคโนโลยีที่ผลักผู้สูงอายุให้กลายเป็นประชากรชายขอบของสังคม เกิดช่องว่างแห่งดิจิตอลขึ้น
สมาคมนี้จึงมาเติมเต็มช่องว่างดั่งกล่าวด้วยการจัดการเรียน การสอนในหลากหลายวิชา เป็นพื้นที่ให้คนที่มีเวลาและอยากนำองค์ความรู้ที่สั่งสมไว้มาตลอดชีวิต มาถ่ายทอดส่งต่อให้เกิดประโยชน์สุงสุด ซึ่งก็ประสบความสำเร็จยิ่งจนกลายเป็นต้นแบบของการแก้ปัญหานี้ และได้รับเกียรติบัตรจากวุฒิสภา และรางวัลจากระทรวงศึกษา ฯ
อีกบทบาทหนึ่งที่สำคัญของ ดร.ใหม่ คือ นักวิจัย เป็นนักวิจัยเพื่อสังคม ต้องการให้ผลของงานวิจัยทุกชิ้นถูกนำไป Implement จริง อย่างผลงานวิจัยล่าสุดของ ดร.ใหม่ ที่ต้องการช่วยแก้ปัญหาหลัก 3 ประการของสังคมไทย คือ ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ปัญหาอาชญากรรม และ ปัญหาคุณแม่วัยใส โดยนำเสนอวิธีการแก้ปัญหาในรูปแบบการจัดแสดงนิทรรศการเพื่อให้คนเกิดการมรณานุสติ ด้วยการให้คนมาทดลอง ‘ตายก่อนตาย’ นอนในโลงศพจริง ปิดฝาโลงจริง เพื่อให้เกิดความตระหนักรู้ในคุณค่าของลมหายใจ คุณค่าของชีวิต ผลงานชิ้นนี้เรียกได้ว่า ประสบความสำเร็จมาก เพราะเมื่อคนได้ทดลองตายก่อนตายแล้ว เขาจะรู้ตัวเองเลยว่า ทุกวันนี้เขาใช้ชีวิตที่เป็นชีวิตตัวเองจริง ๆ หรือใช้ชีวิตโดยให้สังคม คนรอบข้างลากไปมา เมื่อคนรู้ตัวก็จะเกิดความหวงแหนเวลา หวงแหนชีวิต จะออกไปทำประโยชน์ ออกไปทำคุณค่าให้กับสังคม จะไม่มีใครมาเสียเวลาทำสิ่งที่ไร้สาระ สิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์อีกต่อไป
มรณานุสติ คาเฟ นี้ชาวต่างชาติชอบมาก เพราะมันตอบโจทย์ มันให้คุณค่าแท้ มีหลายร้อยสื่อ จากกว่า 30 ประเทศทำข่าว บางคนลงทุนบินมาจากต่างประเทศเพื่อสัมภาษณ์ ดร.ใหม่ โดยเฉพาะ สิ่งนี้คือความน่าภาคภูมิใจของคนไทย แสดงให้เห็นว่า ความคิด ไอเดีย ผลงานฝีมือคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก
ล่าสุด จากวิกฤตโควิดที่กระทบกระเทือนคนไปทั้งโลก ดร.ใหม่ ได้ปรับตัวอีกครั้ง ด้วยการนำเนื้อหาในคลาสสอนสดที่ ดร.ใหม่ จัดมาร่วม 10 ปี ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่ ดร.ใหม่ ประมวล กลั่นกรองมาจากประสบการณ์จริง พร้อมสอดแทรกข้อคิดและเทคนิกในการค้นหาเป้าหมายชีวิต ค้นหา Passion ในการมีชีวิตอยู่ มาถ่ายทอดลงในรูปแบบ E-Book ด้วยความตั้งใจว่า ต้องการส่งต่อแนวทาง Buddhist Ikigai ซึ่งเป็นหนังสือเล่มที่ 10 ของดร.ใหม่ ให้คนได้รู้จักและได้ประโยชน์มากที่สุด