สู่..ความสำเร็จ

       สมัยโลกาภิวัตน์วิถีชีวิตเปลี่ยนไปจากเคยตามข่าวด้วยการอ่านหนังสือพิมพ์ต้องเปลี่ยนไปตามในโลกไซเบอร์ ไม่เว้นแม้กระทั่งการตามข่าวกีฬา ความเคลื่อนไหวของฟุตบอลทีมโปรดของตัวเองที่ผมก็ต้องอาศัยเข้าไปอ่านในหน้าแฟนเพจของกลุ่มแฟน ๆ ที่ตั้งกันขึ้นมาแทนเช่นกัน         ก็สนุกดีครับได้อ่านไปอมยิ้มไปกับคำหยอก คำแซวของน้อง ๆ หลาน ๆ ที่โพสต์กันด้วยสำนวนภาษาที่ชวนหัว แต่มาระยะหลังเริ่มสะดุดใจกับวิถีการเชียร์ที่แสดงให้เห็นว่าหากเกมนั้นทีมรักทำท่าจะพ่ายแพ้ก็จะมีแฟนจำนวนไม่น้อยเลยที่ปิดทีวีหนีก่อนเกมจะจบ สะดุดก็เพราะสงสัยว่าสมัยนี้เขาดูกีฬากันเพื่อหวังเฉพาะผลชนะล่ะหรือ หากเกมไหนน่าจะไม่ได้ผลอย่างที่หวังก็ไม่ดูกันเลยล่ะหรือ         ฉุกใจจนอดอดถามตัวเองไม่ได้ว่าตั้งแต่ดูฟุตบอลมาตัวเคยปิดทีวีก่อนจบไหม         คำตอบคือไม่ !         ไม่..เพราะต้องการเห็นการต่อสู้ด้วย “จิตวิญญาณ” ของนักกีฬา ในเกมกีฬา แพ้แน่ ๆ แต่ยังสู้นั้นน่าชมนัก เหมือนที่เราเคยเห็นภาพนักวิ่งที่เกิดอุบัติเหตุจนกะเพรกเดินแทบไม่ไหวแต่ยังสู้พยายามคลานจนเข้าเส้นชัย มันไม่ได้มีเรื่องของผลการแข่งขันเลย มันมีแต่เรื่องของความภูมิใจกับความเป็นมนุษย์ผู้ไม่ยอมแพ้         นี่ล่ะครับคุณค่าที่ควรกับการเสียเวลารับชม         เขียนแล้วนึกถึงตัวอย่างจริงที่ผมเคยพาลูกสาวทั้ง 2 เข้าไปชมฟุตซอลชิงแชมป์โลกระหว่างทีมชาติไทยของเราพบกับสเปน แม้ผลการแข่งขันเราจะพ่ายไปยับเยินถึง 7 ต่อ 1 แต่หนึ่งประตูที่เรายิงได้นี่แหละครับสำคัญนัก         ต้องยอมรับว่าเราเป็นรองทีมอันดับ 1 ของโลกอย่างสเปนอยู่มากแม้ครึ่งแรกเรายังพอลุ้นโดนนำอยู่เพียง 2 ลูกแต่พอกลับมาครึ่งหลังสกอร์ก็เริ่มไหลไปเป็น 3 4 5 6 จนถึง 7 หมดทางกลับมาชนะโดยสิ้นเชิง แต่สิ่งที่คนไทยในสนามวันนั้นได้เห็นไม่ใช่อาการท้อถอย หมดหวังจนอยากจะให้หมดเวลาไปแต่กลับเป็นการได้เห็นความทุ่มเทของนักเตะไทยเราที่ยังคงวิ่งกันเต็มที่ทุกคน ทุกลูก ไล่ไม่ทันก็ไล่ สู้ไม่ได้ก็สู้ จนคนดูทุกคนในสนามสัมผัสได้ถึงใจอันเกินร้อย ชัดขนาดรู้สึกว่าจะเป็นความผิดมากที่สุดหากจะหนีออกจากสนามก่อน จนก่อนหมดเวลานิดเดียวเราก็ได้ประตูตีไข่แตก วินาทีที่บอลซุกตาข่ายนั้นสนามแทบแตก ไม่ได้ดีใจที่ยิงได้ทำให้เสมอหรือชนะ แต่ดีใจที่ในที่สุดความพยายาม ไม่ท้อถอย มุ่งมั่นก็ได้สิ่งตอบแทน ทุกคนสัมผัสถึงรางวัลแห่งความทุ่มเทไม่ยอมแพ้นั้นว่ามันหอมหวนขนาดไหน ผมดีใจมากที่เด็ก ๆ ได้สิ่งมีค่าที่สุดของกีฬา เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จนั่นก็คือความเพียรพยายามอย่างไม่ย่อท้อต่อหน้าที่ที่ตนรับผิดชอบโดยไม่คำนึงว่างผลจะออกมาเช่นไร         เขียนเรื่องความเพียรนี้แล้วเห็นจะไม่มีตัวอย่างไหนเหมาะสมมากไปกว่าธรรมะจาก พระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก ที่หลังจากพระมหาชนกทรงครองราชย์แล้ว พระองค์ทรงระลึกถึงความหลังที่ทรงทำความเพียร ณ ท่ามกลางมหาสมุทร จึงทรงมนสิการ (รำพึง)ในใจว่า         “ขึ้นชื่อว่าความเพียร ควรทำแน่แท้ ถ้าเราไม่พยายามว่ายน้ำกลางทะเลจนถึงวันที่ 7 เราคงตายไปกลางทะเลแล้ว คงจักไม่ได้ราชสมบัตินี้” เมื่อพระองค์ทรงอนุสรณ์ถึงความเพียรนั้น ก็เกิดปีติโสมนัสซาบซ่าน จึงทรงเปล่งอุทานด้วยพระกำลังปีติว่า         “บุรุษผู้เป็นบัณฑิต ควรพยายามร่ำไป ไม่ควรเบื่อหน่ายในกิจของตน จงดูเราซึ่งได้ขึ้นสู่บกและได้ครองราชสมบัติเป็นตัวอย่าง คนเป็นอันมากเมื่อกำลังประสบทุกข์ จะไม่ตั้งใจทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แต่เมื่อได้รับความสุข จึงตั้งใจทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ส่วนบุคคลผู้มีปัญญา ถึงแม้กำลังประสบทุกข์ก็ไม่สิ้นหวังว่าจะไม่ได้ประสบสุข เพียรสู้ทนทำหน้าที่ของตนอย่างสุดความสามารถ ย่อมจะประสบความสำเร็จแน่นอน เพราะว่าสิ่งที่มิได้คิดไว้ล่วงหน้าอาจเกิดขึ้นก็ได้ สิ่งที่คิดไว้ล่วงหน้าอาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ ทรัพย์สมบัติทั้งหลายของบุรุษหรือสตรีไม่อาจสำเร็จ (เกิดขึ้น) ได้เพียงแค่ความคิด (แต่สำเร็จลงได้ด้วยการลงมือกระทำเท่านั้น)”         หันมามองสังคมทุกวันนี้ เรามุ่งกันแต่ให้ได้ผลจนละเลยที่จะสร้างเหตุ อันเป็นการกระทำที่สวนทางกับทางสู่ความสำเร็จ นั่นคือ หลักของอิทธิบาท 4 ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา         ขอเพียงเริ่มได้ถูกคือการมีฉันทะความพึงพอใจในงานที่ทำ ก็จะส่งต่อให้เรามีวิริยะ ความขยันหมั่นเพียร รวมถึงมีจิตตะ สมาธิ มุ่งมั่นในการทำงานนั้น ทั้งยังส่งต่อให้เกิดวิมังสาการใคร่ครวญพิจารณาพัฒนางานนั้น และแน่นอนหากทำตามนี้ผลของงานย่อมออกมาดี เมื่อผลดีย่อมนำความชื่นใจมาสู่ผู้ทำก่อเกิดฉันทะหรือความพึงใจมากขึ้นไปอีก         สุดท้ายผลลัพธ์ที่เกิดย่อมหนีไม่พ้นความสำเร็จ แม้อาจจะไม่ได้สำเร็จจนถึงอันดับ 1 ด้วยเพราะปัจจัยแวดล้อมอื่นยังไม่พร้อม แต่ย่อมสำเร็จในการชนะตัวเอง นำความภาคภูมิใจมาสู่ตัวเองและผู้เกี่ยวข้อง         และที่คนจำนวนมากไม่ประสบความสำเร็จก็เพราะเขาไม่ได้นำธรรมหมวดนี้มาใช้ โดยเฉพาะขั้นเริ่มต้นที่มักจะใช้ผิดจากฉันทะ เป็นตัณหาหรือความอยากในการนำทางแทน         เมื่อใช้อยากนำ ขยันก็ไม่มี สมาธิก็ไม่มา พิจารณาแผนก็ไม่ทำ เพราะเอาแต่มุ่งหวังที่ผล และแน่นอนอีกเช่นกันผลงานออกมาย่อมมีโอกาสล้มเหลวมากกว่าสำเร็จ ทำให้ยิ่งหมดกำลังใจ ท้อถอยมากขึ้นอีก         ข้อต่างของคนสำเร็จคือรักจะสร้างเหตุโดยไม่หวังผล ขณะที่คนล้มเหลวกลับกันคือรักจะเอาผลโดยขี้เกียจสร้างเหตุ         happy + ฉบับนี้หนักไปทางด้านกีฬาก็เพื่อขอร่วมแสดงความยินดีกับน้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ที่มีความเพียรจนสำเร็จนำพาตนเองขึ้นสู่คนไทยที่ 1 ให้เป็นที่ภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ เป็นที่ 1 ในใจคนไทยทุกคนจากความมุ่งมั่นพยายามของน้องที่ได้แสดงให้คนทั้งชาติได้เห็นและเป็นแบบอย่างที่ดีนี้         ขอแสดงความยินดีครับ !

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *