เมื่อต้นปีนี้ผมเขียนบทความเกี่ยวกับตัวชี้วัดไว้บทหนึ่งชื่อ “เด็กไม่รู้จักโต” เป็นตัวชี้วัดที่ผมออกแบบไว้วัดถึง “ความเป็นผู้ใหญ่” ของตัวเอง ในบทนั้นผมใช้คำถามใกล้ ๆ ตัวคือถามว่าเราเอาอะไรเป็น “ศัตรู” โดยเกณฑ์ประเมินก็ง่าย ๆ เช่น ใครมีศัตรูเป็นสัตว์ประหลาด เป็นมนุษย์ต่างดาวก็แปลว่าเขายังเป็นเด็กน้อยอยู่ ใครมีศัตรูเป็นคู่แข่งทางการค้าก็แปลว่าเขาเข้าสู่วัยทำงานแล้ว ใครมีศัตรูเขาเป็นความอยุติธรรม ความไม่ถูกต้องในสังคมก็แสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่ยิ่งขึ้นของเขา สุดท้ายใครลงเอยที่ใครมีศัตรูเป็น “กิเลสในใจตัวเอง” นั่นหมายถึงการเติบใหญ่เต็มที่ มาวันนี้ผมมีตัวชี้วัดตัวใหม่มาเสนอครับ เป็นคำถามง่าย ๆ เช่นเดิม ตอบแบบง่าย ๆ ไม่ต้องคิดอะไรยอกย้อน ไม่ต้องวิเคราะห์อะไรให้วุ่นวายอันจะยิ่งทำให้ผลการวัดคลาดเคลื่อน ขอเพียงคุณตอบตามที่คุณทำจริง ๆ นี้ก็พอวัดได้แล้วว่าคุณมีความเป็น “ผู้ใหญ่” แค่ไหน โดยผู้ใหญ่ในที่นี้หมายเอาด้านของความพร้อมทางอารมณ์ ทางปัญญาความรู้มิใช่ทางกายภาพหรืออายุแต่อย่างใดนะครับ คำถามก็คือ ” คุณทำอะไรเวลาว่างครับ ? “ ตัวชี้วัดนี้ผมจี้ไปที่เวลาที่ว่างเพราะหากเวลาไม่ว่างก็แปลว่าเรามีหน้าที่การงานตามหัวโขนให้ต้องกระทำ อีกนัยหนึ่งก็คือเราไม่มีสิทธิ์เลือกที่จะเลือกทำสิ่งอะไรตามใจปรารถนาทำให้ไม่สามารถใช้ชี้วัดอะไรได้ แต่ในขณะที่เวลาว่าง เป็นเวลาที่เรามีสิทธิ์ที่จะเลือกทำหรือไม่ทำอะไรนั่นแหละที่ถึงจะสะท้อนวุฒิภาวะของผู้ตอบได้ว่า เมื่อมีสิทธิ์ที่จะเลือก เราใช้สิทธิ์นั้นทำสิ่งที่สมควรเรียกว่าเป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก เช่นใครตอบว่า เขาใช้เวลาว่างไปกับสิ่งยั่วยุต่าง ๆ เหล้า บาร์ ผับ อบายมุข เช่นนี้ก็สะท้อนถึงความยังเยาว์นักของผู้ตอบ อาจเรียกว่าเป็นเด็กทารกที่ยังไม่รู้ความยังไม่มีความสามารถในการแยกแยะสิ่งดี-เลว ส่วนใครตอบว่าใช้เวลาว่างนอนเอกเขนก แบบที่เรียกว่าฆ่าเวลา หรือชิลชิล เช่นนี้ก็โตขึ้นมานิด อาจเรียกว่าเป็นวัยรุ่นที่ยังมุ่งสนองตอบความต้องการของตนเองเป็นหลักอยู่ ขณะที่ใครที่ตอบว่าใช้เวลาว่างด้วยการทำงานอดิเรก ปลูกต้นไม้ เลี้ยงสัตว์ มีจิตใจโน้มเอียงไปสู่ธรรมชาติ รักความเรียบง่ายไม่ฟุ้งเฟ้อ นี่ก็อาจเรียกว่าเป็นหนุ่มสาวได้ และหากใครใช้เวลาว่างกับการแสวงหาความรู้เพิ่มเติม หาประสบการณ์เพิ่ม รวมถึงหาเครือข่าย พรรคพวกเพื่อนฝูง พันธมิตร ที่สำคัญคือใช้เวลาว่างดูแลสุขภาพกายตนเอง เช่นนี้ก็สามารถเรียกว่าเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่แล้ว สรุปคือเครื่องมือนี้ผมออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ๆ ตรวจสอบตัวเองได้ทุกเมื่อ ทุกเวลาที่ว่าง หรือกำลังจะว่างให้คุณลองถามตัวเองดูว่าจะใช้เวลาอันมีค่า เวลาที่ไม่เคยหวนกลับ เวลาที่มีเงินเท่าไหร่ก็หาซื้อไม่ได้นั้นไปทำอะไร มันย่อมสะท้อนความมีวุฒิภาวะของตัวเราเองได้ การคอยหมั่นถามว่าเราจะทำอะไรแล้วประเมิน มันทำให้หยุดและฉุกใจคิดได้มาก ว่าเรากำลังมุ่งหน้าสู่เป้าหมายที่แท้ของเราหรือกำลังแฉลบออกนอกทางไปเรื่อย ๆ ตามสัญชาตญาณ ตามกิเลส ที่หากปล่อยไปตามความเคยชินเผลอแผล็บเดียวเราจะเริ่มเลือกที่จะใช้เวลาว่างไปทำสิ่งที่เด็กลงเรื่อย ๆ และเรื่อย ๆ ไม่เชื่อคุณลองสังเกตุดูซิครับ กลับมาที่เกณฑ์ของเรากันต่อนะครับ ต้องบอกว่าเกณฑ์ข้างต้นนั้นเป็นเพียงขั้นต่ำของการผ่านความเป็นผู้ใหญ่ ยังมีเกณฑ์ที่สูงกว่านั้น อาจเรียกว่าเป็นเกณฑ์ของผู้ทรงคุณวุฒิอย่างแท้จริงที่ผมอยากเชิญชวนคุณมาร่วมใช้จริงกันด้วย เกณฑ์นั้นคือคำตอบที่ตอบว่า เขาผู้นั้นใช้เวลาว่าง “กระทำเพื่อคนอื่น” ถ้าสังเกตุให้ดีจะเห็นว่าเกณฑ์ช่วงต้นทั้งหมดล้วนเป็นการกระทำเพื่อตนเอง หรือความสุขของตัวเอง แต่หากจะเอาที่เติบใหญ่กล้าแกร่งอย่างแท้จริงแล้วต้องเป็นเกณฑ์นี้ครับ การทำเพื่อคนอื่นมันสะท้อน “ความพอ” ของตัวเราและ “ปัน” สู่คนอื่นได้ ซึ่งมีแต่ผู้ใหญ่ที่ใหญ่อย่างแท้จริงเท่านั้นที่ทำได้ แต่..แต่นั่นก็ยังไม่ใช่เกณฑ์สูงสุดของเราครับ ผมยังมีเกณฑ์สุดท้ายที่ผมยังหาคำเรียกไม่ได้ จะเป็นผู้ใหญ่ที่ทรงภูมิ ผู้ใหญ่ที่เป็นปูชนียบุคคล ก็ยังไม่ค่อยตรงใจเท่าไหร่เอาเป็นคุณอ่านเสร็จแล้วช่วยตั้งชื่อให้ด้วยนะครับว่าควรจะเรียกคนที่ใช้เวลาว่างเช่นนี้ว่าอะไรดี เมื่อคนผู้นั้นเขาตอบว่า เขาใช้เวลว่าง “เจริญสติ” บางท่านอาจแย้งว่าการเจริญสตินี้เป็นเรื่องเฉพาะตัวไม่น่าจะดีกว่าการช่วยคนอื่นน่ะ มองเผิน ๆ ก็อาจใช่ครับ แต่แท้จริงแล้วการเจริญสตินั้นเมื่อส่งผลต่อตัวผู้ทำเองให้พัฒนาตนขึ้นแล้ว ผลต่อเนื่องที่เป็นเสมือนภาคบังคับตามมาคือใจเขาจะเกิดสิ่งที่เรียกว่าเมตตา และกรุณาทำเพื่อผู้อื่นแน่นอน ทั้งยังจะเป็นการทำอย่างสมบูรณ์มีประสิทธิภาพสูงสุดด้วย ดังนั้นการเจริญสติจึงถือเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดเป็นการกระทำที่เรียกว่ายังทั้ง “ประโยชน์ตน และประโยชน์ท่าน” ครบถ้วนทุกฝ่ายอย่างนี้จะไม่ใช้เป็นเกณฑ์สูงสุดได้อย่างไร พระพุทธเจ้ายังตรัสว่าสติปัฏฐานนี่แหละคือทางสายเอก ทางสายเดียวที่ประเสริฐสุด เป็นทางแห่งความพ้นทุกข์ และถือเป็นแก่นของศาสนาที่ท่านตรัสรู้และนำมาสอน ดังนั้นหากใครใช้เวลาว่างทำสิ่งนี้จึงถือว่าเขาผ่านเกณฑ์สูงสุดนี้ จริงไหมครับ ! ถ้าเห็นด้วยกับเครื่องมือชิ้นนี้ จากนี้ไปก็หมั่นถามตัวเองดูนะครับ ว่าเรากำลังใช้เวลาว่างในแบบของเด็กทารกแบเบาะ แบบวัยรุ่น วัยคะนอง หรือแบบผู้ทรงคุณ(ค่า)อันเป็นประโยชน์ใหญ่แก่โลก ได้คำตอบแล้วอาจทำให้เราหยุดที่จะทำสิ่งไร้สาระ หันมาทำสิ่งที่เหมาะควรแก่ประสิทธิภาพของอัตภาพมนุษย์นี้กันครับ ลองใช้ดูนะครับ แต่ เอ…แล้วถ้าใครตอบว่า “ฉันไม่มีเวลาว่าง” ล่ะ อา…คุณผู้อ่านตอบกันเองนะครับ !
- YouTube
- คิดใหม่คุยกับสื่อ
- Kid-Mai Classes
- Human Development & Team Building
- ที่ปรึกษาธุรกิจด้านความยั่งยืน ESG SDGs BCG
- 💎 SustaInnovation Leadership Program
- ข่าวประชาสัมพันธ์ รับสมัครหลักสูตร SustaInnovation in Action
- 1 st day SustaInnovation Leadership Program
- 2nd day SustaInnovation Leadership Program
- 3rd day SustaInnovation Leadership Program
- 4th day SustaInnovation Leadership Program
- 5th day SustaInnovation Leadership Program
- 6th day SustaInnovation Leadership Program
- 7th day SustaInnovation Leadership Program
- 8th day SustaInnovation Leadership Program
- บรรยากาศกิจกรรมทัศนศึกษาดูงาน
- การนำเสนอ Project หลักสูตร SustaInnovation Leadership
- การแสดงจากผู้เข้าร่วมหลักสูตรทั้ง 5 กลุ่ม
- ลิงก์ข่าว ‘คลอด 5 Projects จากหลักสูตร SustaInnovation Leadership Program โดยสถาบันคิดใหม่ เพื่อการทำธุรกิจที่สุข สำเร็จ มั่งคั่ง ย่างยั่งยืน’
- 🌱🌏 SustaInnovation in Action Class
- Metaverse Class: จักรวาลนฤมิต เพื่อสังคม
- Goal Setting & Achievement
- Creative Sustainable Career
- Reset Your LIFE
- Anger Management
- STRENGTH IN ACTION
- ชีวิตสุข 6 มิติ
- Power of Organization
- กิจกรรมคิดใหม่
- หนังสือ Kid Mai
- บทความคิดใหม่
- Escape Room for HR
- Death Awareness Cafe
- ผลงานวิจัย
- คำประกาศนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัท เดอะ ลาสต์ แมน สแตนดิง จำกัด และ บริษัท คิดใหม่ จำกัด