อำนาจ No.1

        เปิดทีวีทุกวันเห็นข่าวอะไรกันบ้างครับ ?         ข่าวเมียหลวงตบเมียน้อย กิ๊กจิกหัวแฟน         ข่าวพี่น้องฆ่ากันแย่งมรดก ลูกไล่บุรพการีออกจากบ้าน         ข่าวส.ส.ให้เกือ_กกัน ดูเวปโป๊กันกลางสภา         ข่าวสงครามถล่มอ่าว หรือข่าวการก่อการร้ายสารพัดรูปแบบ         ท่ามกลางสารพัดข่าวสารความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งหมดที่ยกมา และไม่ได้ยกมานี้ไม่ว่าจะในระดับไหนระดับบุคคล ครอบครัว สังคม ประเทศหรือระดับโลก ทั้งหมดล้วนมาจากสาเหตุหลัก มาจากรากเหง้าเดียวกันนั่นคือการแย่งชิงซึ่ง “ผลประโยชน์”         การแย่งชิงนี้มิได้หมายถึงแค่การฉกชิงเอาประโยชน์มาสู่ตนเท่านั้น แต่รวมไปถึงการจัดให้ผลประโยชน์หรือสิ่งที่เสมือนเป็นผลประโยชน์เช่นความเชื่อ ความศรัทธาให้ไปสู่ตำแหน่งที่ตนต้องการด้วย         ซึ่งเมื่อมีการจัด มีการเปลี่ยนที่ก็ต้องมีการใช้แรงในการเคลื่อนนั้น ที่หากเมื่อใดแรงที่ส่งลงไปในการย้ายมากเกิน การณ์นั้นก็กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าความรุนแรง         จำลองภาพว่าผลประโยชน์เป็นดั่งหีบสมบัติ การจะผลักหีบไปด้านซ้าย ดึงหีบไปด้านขวา หรือยกเอาของในหีบมาแบ่งล้วนต้องใช้แรง และเมื่อใดการใช้แรงนั้นไปทำให้คนอยู่ใกล้เคียงบาดเจ็บนั่นก็คือความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ นั่นเอง         และหากมอง “แรง” นี้ในอีกมิติหรืออีกมุมมองหนึ่งอาจสามารถแทนคำว่า “แรง” ได้ด้วยคำว่า “อำนาจ” เมียหลวงตบเมียน้อยเพื่อแย่งสามีตนคืนก็ต้องใช้อำนาจทางกาย         นักเลงยิงกันแย่งอาณาเขตก็ต้องใช้อำนาจทางอาวุธ         พ่อค้า นักลงทุนแย่งส่วนแบ่งการตลาดกันก็ใช้อำนาจทางการเงิน อำนาจสื่อ         หรือนักการเมืองแย่งประโยชน์กันก็ใช้อำนาจทางกฎหมาย         จึงอาจสรุปเป็นสมการง่าย ๆ ได้ว่าที่ใดมีผลประโยชน์ที่นั่นย่อมมีอำนาจในการจัดการ รักษา และจัดสรรผลประโยชน์นั้น         แต่ด้วยผู้เกี่ยวข้องกับประโยชน์ส่วนใหญ่ชอบใช้แรงกันเกิน ใช้อำนาจทุกชนิดโดยไม่สนว่าจะชอบธรรมหรือไม่ จนไปกระแทกคนอื่นทำให้ทุกวันนี้ภาพลักษณ์ของอำนาจออกมาในด้านที่ไม่ดี จนถึงเลวร้ายย่างยิ่ง         ยามบอกใครเป็นผู้มีอำนาจมาก ก็มักจะตามมาด้วยความยำเกรง หรือเกรงกลัวของคนฟัง จนทำให้บางคนถึงขนาดรังเกียจคำนี้กันไปเลย ใครมาบอกว่าตนเป็นผู้มีอำนาจ เป็นเจ้าพ่ออาจมีได้เคืองกัน ด้วยภาพจำว่าอำนาจเป็นของร้อน เป็นเครื่องมือที่ไว้ใช้เบียดเบียนเพื่อนร่วมโลกด้วยกัน เป็นที่มาแห่งความหลง เป็นที่มาของความละโมบโลภมาก เป็นคนน่ากลัว         ก็เหมือนจะจริงครับ เห็นได้จากตัวอย่างจริงมากมายที่อำนาจได้เปลี่ยนคนดี ๆ ให้กลายเป็นอีกคนที่ชั่วบาปหยาบช้าไป         แล้วจะแก้ไขอย่างไร เลิกใช้อำนาจกันเลยรึ ?         มันคงเป็นไปไม่ได้ และถึงเป็นไปได้จริงคือไม่เหลืออำนาจใดในโลกเลย สังคมคงยิ่งวุ่นวายพิลึก         การอยู่ร่วมกันในคนหมู่มากเราจำต้องใช้อำนาจในการทำให้สังคมสงบสุข เป็นระเบียบ และความจริงอำนาจโดยตัวมันเองนั้นไม่ได้เลวร้าย ที่เลวร้ายมันมาจากรากเหง้าที่มาของอำนาจต่างหาก         ตั้งแต่อดีตที่มนุษย์เริ่มการใช้อำนาจด้วยการบังคับเอาด้วยความกลัว ใช้ความกลัวเป็นเครื่องมือในการกดให้อีกฝ่ายจำยอมหรือทำตามซึ่งนั่นเป็นอำนาจที่มาจากด้านมืด ความจริงยังมีอำนาจจากอีกด้านซึ่งมนุษย์ไม่ค่อยได้นำมาใช้ เป็นเพราะอาจไม่รู้จักนั่นคืออำนาจที่มาจากด้านดี หรือใช้คำว่าอำนาจที่ “ดลบันดาลเอาตามประสงค์”         หลายคนอาจสงสัยว่ามีจริงล่ะหรืออำนาจที่ใช้ดลบันดาลเช่นนี้ อำนาจที่ใช้ความดี และใช้ความรัก ไม่ได้ใช้ความกลัว         ตอบได้เลยว่ามีจริงครับ !         ยกตัวอย่างใกล้ตัวเราก็ในครอบครัวอันอบอุ่นนั่นไง ที่เมื่อใดความรัก ความเข้าใจอบอวลเต็มบ้านแล้วบ้านนั้นไม่จำเป็นต้องใช้ความกลัว กลัวที่จะโดนตี กลัวที่จะไม่ได้รับมรดก หรือกลัวว่าจะโดนไล่ออกจากบ้านถึงจะยอมทำอะไร แต่สมาชิกในบ้านทำเพราะรัก และศรัทธา ทำเพื่อกันและกัน         หรือจะยกตัวอย่างเป็นบุคคลก็จะยิ่งเห็นชัด บุคคลที่มีอำนาจนี้มากที่สุดไม่มีใครเกินคือองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงของเรานี่เอง ที่ท่านทรงมีพระราชอำนาจนี้อย่างบริบูรณ์ งดงามถึงที่สุด อำนาจแห่งความดีของท่านสามารถดลให้ประชาชนทำตามพระราชดำริได้อย่างเต็มใจ ทุ่มกาย ทุ่มใจทำด้วยความเทิดทูน มิได้ทำด้วยความเกรงกลัวพระราชอาญา         ต่อจากนี้ไปอยากให้ยามใดที่เราจำต้องใช้อำนาจในการจัดตำแหน่งผลประโยชน์ก็ขอให้หาวิถีทางและวิธีการที่ถูกต้อง เหมาะสม และยั่งยืนในการอยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง อบอุ่นด้วยการเลือกใช้อำนาจแห่งความดีนี้         ลองดูกันนะครับ อำนาจนี้สร้างง่ายกว่าอำนาจแห่งความกลัวเสียอีก อำนาจที่มาจากความกลัวนั้นกว่าจะได้มาก็ร้อน พอได้มาคนมีอำนาจก็ร้อน จะรักษาก็ร้อน เสียไปเมื่อใดความร้อนที่สะสมมานั่นจะย้อนมาแผดเผาเอา         ขณะที่อำนาจที่มาจากความรักนั้นสร้างก็สุข ไม่ต้องรักษามีแต่ความรักจะรักษาผู้มีรัก และที่สำคัญไม่มีวันเสียหรือหมดอำนาจเสียด้วย         คุ้น ๆ ว่าเคยเขียนเรื่องอำนาจนี้ไปบ้างแล้ว แต่ดูเหมือนสังคมยังคงคุ้นชินที่จะใช้อำนาจแห่งความกลัวกันอยู่มาก ก็ขอกระตุ้นเตือนหาแนวร่วมเดินทางสู่อำนาจแห่งความดีนี้อีกสักครั้งนะครับ มารู้จักและใช้อำนาจ No.1 กันเถิดครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *