แนวโน้มในอนาคตเราจะเห็นคนที่ชอบอยู่ตัวคนเดียวสูงขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่มีความเป็นปัจเจกนิยมสูง เช่น ประเทศญี่ปุ่น หรือประเทศในแถบตะวันตก สาเหตุหลักมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะทางอินเตอร์เน็ต หรือโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่ทำให้คนสามารถหาความสุข สามารถใช้ชีวิตตามที่ตนต้องการได้จากทุกที่อย่างเป็นอิสระ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร งานบันเทิง หรืองานอดิเรกที่สนใจก็สามารถทำได้ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตโดยไม่จำเป็นต้องเข้าสู่สังคมจริง ๆ อย่างไรก็ตามผู้ที่ชอบอยู่คนเดียวนี้มิใช่หมายถึงจะไม่มีคู่ เพียงแต่ถึงจะมีคู่ก็มิได้เลยไปถึงการสร้างครอบครับมีลูกแต่อย่างใด ยังพึงใจที่จะเพลิดเพลินกับการใช้เวลาว่างอยู่เพียงลำพัง
ประเด็นที่จะน่ากังวล คือ เมื่อเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ คนกลุ่มนี้จะขาดคนมาคอยดูแล และถึงตอนนั้นก็จะเกิดปัญหาทางด้านจิตใจ หรือแม้แต่ปัญหาสุขภาพจนกลายเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่แบบใหม่ของสังคมโลกได้ แต่ที่ปัจจุบันปัญหานี้ยังไม่เด่นชัดก็เพราะว่าเพิ่งจะอยู่ในช่วงเริ่มต้น ผู้ที่มีค่านิยมนี้ยังอยู่ในวัยกลางคนเป็นส่วนมาก แต่อย่างไรหากปล่อยให้วิถีนี้ดำเนินต่อไปย่อมเลี่ยงไม่พ้นกับปัญาดังกล่าว
ฉะนั้นเพื่อเป็นการเตรียมการป้องกันมิให้ปัญหานี้ใหญ่เกินจะควบคุมจึงมีข้อแนะนำให้ผู้ที่กำลังคิดจะใช้ชีวิตคนเดียวนั้นได้พึงพิจารณาว่าด้วยธรรมชาติของมนุษย์ที่เป็นสัตว์สังคมผนวกกับโดยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทั่วไปจะมีความต้องการที่จะดำรงเผ่าพันธุ์ของตนไว้ การสืบสกุลจึงถือเป็นหน้าที่พื้นฐานอย่างหนึ่งที่หากใครละเลยแล้วพอถึงเวลาแก่เฒ่าก็อาจจะเกิดความรู้สึกโหยหาหรือความพร่องลึก ๆ ในใจได้ เว้นแต่กับผู้ที่ต้องการใช้ชีวิตแบบนักบวชอยู่เพื่อแสวงหาสัจธรรมอันสูงสุด ฉะนั้นจึงอยากให้คนที่กำลังคิดจะอินเทรนด์ ตกอยู่ในกระแสค่านิยมนี้ได้ลองมองไปข้างหน้าไกล ๆ รวมถึงอาจจะต้องไปดูตัวอย่างจริงของผู้สูงอายุที่โดดเดี่ยวไร้ลูกหลานดูแลว่า การอยู่คนเดียวยังเป็นสิ่งที่ปรารถนาที่แท้จริงของตนจริงหรือไม่