ไม่ได้เขียนเรื่องฟุตบอลโลกเพื่อจะมาเรียกร้องให้พรรคไหนทำประชานิยมให้นะครับ แต่เพราะไปได้ยินคำถามชวนคุยในรายการวิเคราะห์ฟุตบอลอยู่รายการที่เขาเปิดสายให้คนดูโทรเข้าไปตอบคำถามว่า "นิยามของ ฟุตบอลโลก คืออะไร ? ” ได้ยินแล้วก็อดคิดเล่น ๆ ตามที่เขาถามไม่ได้ คิดแล้วเลยอยากชวนคุณคิดด้วยว่าถ้าคุณจะจำกัดความฟุตบอลโลกนั้นคุณจะให้นิยามว่าอะไร คำตอบอาจได้เป็น “กีฬาของคนทั้งโลก” “เกมของมวลมนุษยชาติ” หรืออาจออกแนวดราม่าหน่อยอย่าง “ลมหายใจของชีวิต” หรือ “วันนี้ที่รอคอย” ก็ว่ากันไปครับ แต่สำหรับผม ผมอยากนิยามฟุตบอลโลกว่าคือ “ความไร้ซึ่งเหตุผล ที่มีเหตุผล” ไร้เหตุผลที่คนหลายพันล้านคนมาดูลูกกลมๆ ลูกเดียว แต่ที่มีเหตุผลก็เพราะความที่มีลูกเดียวให้แย่งกันนั่นเอง และนี่ถือเป็นเสน่ห์ของการแย่งชิงที่ชวนให้มีผู้ติดตามได้ลุ้นผลเหมือนคนจำนวนหนึ่งที่ชอบดูละครแย่งผัว แย่งเมียกัน
มองมุมนี้การแข่งขันฟุตบอลโลกก็จะเป็นดั่งที่ว่าคือไร้เหตุผลแบบมีเหตุผลอันพอจะเป็นที่ยอมรับได้ แต่ยังมีการแข่งขันอีกเรื่องที่เป็นเรื่องระดับโลกยิ่งกว่าแต่กลับเป็นเรื่องไร้เหตุผล ที่ไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง นั่นคือ การแข่งขันกันทางเศรษฐกิจ
ก็อย่างน้อยลูกฟุตบอลที่แย่งกันในสนามก็มีลูกเดียวจริง ๆ แต่ผลประโยชน์ที่แย่งกันจะเป็น จะตายบนโลก แท้จริงแล้วไม่ได้มีเพียงเค้กก้อนเดียวให้แย่ง กลับกัน โลกมีเค้กเพียงพอให้คนทุกคนได้กิน อาหารการกินก็สามารถเพาะปลูกให้พอเพียงเลี้ยงคนทั้งโลกได้ ที่พักอาศัยโลกก็มีไม้ มีหินพอเพียงจะนำไปสร้างบ้านให้ทุกคนอยู่ได้ ยารักษาโลกก็มีสมุนไพร มีพืช หรือจะสารเคมีโลกก็สามารถผลิตได้มากพอปรุงยาสำหรับทุกคน หรือเสื้อผ้า มนุษย์ก็สามารถหาสิ่งของบนโลกมาปกปิดของสงวนกันได้ทุกคน แต่เพราะความ “ไม่พอ” ในใจคนต่างหากที่ทำให้ของนั้นขาดไป ที่สำคัญอีกเรื่องคือดูบอลกันหามรุ่ง หามค่ำ อดตาหลับขับตานอนกันแค่ไหน แต่เมื่อเกมจบเราก็รู้ว่านั่นเราคลั่งกับเรื่องเล่น ๆ ไปด้วยความสมัครใจเอง แต่ที่การหั่นหั่นทางการค้าที่เราดิ้นรนแข่งขัน แย่งชิงผลประโยชน์กันหนักหนา จนบางคราเกือบเอาชีวิตไม่รอดนั้น ไม่มีเสียงนกหวีดเป่าจบเกมให้เราได้ตื่นขึ้นมาสำนึกถึงความคลั่งอันไร้เหตุผลของมันเหมือนฟุตบอล เว้นแต่เราจะยอมตื่นขึ้นมาเอง ตื่นมาดู และเล่นเกมเศรษฐกิจนี้อย่างเข้าใจถึงความไม่มีสาระแันแท้จริงของมัน เป็นสักแต่เกม ๆ หนึ่งที่โลกนี้ใช้เล่นกัน
ปิดท้ายคอลัมน์นี้คงไม่มีวลีสรุปใดดีไปกว่าวลีอมตะจากปูชนียบุคคลอย่างท่านมหาตมะ คานธีที่ท่านกล่าวว่า
โลกมีทรัพยากรเพียงพอสำหรับคนทุกคน แต่ไม่พอสำหรับคนโลภเพียงคนเดียว “The world has enough for everyone’s need, but not enough for everyone’s greed.”
© 2016 - Kid-Mai All Rights